top of page
Writer's pictureCLOVERIE IRIS

คิมเซจองและความกดดันในการพบปะแฟนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก หลังความสำเร็จถล่มทลายของ Business Proposal

Updated: Dec 30, 2022

คิมเซจอง ผู้ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักแสดงสาวที่ฮอตที่สุดในเกาหลี ณ ขณะนี้ ได้มายังประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกหลังจากไม่ได้มาเยือนเป็นเวลานาน เธอบอกเล่าถึงความมุ่งมั่นในการจัดงานแฟนมีตติ้งเดี่ยวครั้งแรก ความคิดของเธอที่มีต่อแฟนคลับ และมุมมองในชีวิต ความน่ารักของเธอที่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากครั้งที่ยังเป็นไอดอล ความคิดที่เป็นรูปธรรม และการมองโลกในแง่ดีโดยที่ไม่เคยหลงลืมความพยายาม หากคุณผู้อ่านได้อ่านบทความนี้ ก็คงอดใจไม่หลงรัก "ก็อดเซจอง" (God Sejeong) ได้ยากอย่างแน่นอน

มาญี่ปุ่นครั้งแรกหลังจากความสำเร็จอย่างถล่มทลายของละคร Business Proposal "มีความกดดันอยู่ไม่น้อย"



ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับงานแฟนมีตติ้งเดี่ยวครั้งแรกในญี่ปุ่นด้วยนะคะ


เซจอง: (ปรบมือ) ตอนแรกรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อค่ะ เพราะว่าฉันมาคนเดียว ก็รู้สึกกังวลว่าตัวเองจะทำให้แฟน ๆ อยากมาชมกันได้มากมายหรือเปล่า แต่พอได้ยินว่าแฟน ๆ มากันเยอะมากก็มีความสุขมากค่ะ ฉันชอบประเทศญี่ปุ่นและชอบคนญี่ปุ่นมาก ฉันมีความสุขและตื่นเต้นมากที่ได้มาจัดงานแฟนมีตติ้งในครั้งนี้ค่ะ


ㅡ ครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งแรกหลังจากประสบความสำเร็จในละคร Business Proposal คาดว่าจะจำนวนของผู้ชมน่าจะเปลี่ยนไปไหมคะ


เซจอง: ฉันกังวลอยู่บ้างและจินตนาการไม่ได้เลยค่ะ เพราะแน่นอนว่ามีทั้งแฟนคลับที่ติดตามมาฉันมาตั้งแต่ต้น และจะต้องมีแฟนคลับที่เพิ่งมารู้จักฉันผ่านละครเรื่องนี้ ฉันเองก็รู้สึกกดดันที่จะต้องใช้โอกาสนี้เปลี่ยนคนที่เพิ่งมาให้กลายเป็นแฟนคลับที่จะอยู่ด้วยกันต่อไป แต่ก็ตื่นเต้นด้วยเหมือนกัน



ㅡ ช่วงนี้ชอบดื่มชาอะไรอยู่ไหมคะ


เซจอง: ฉันเป็นหวัดตอนไปจัดงานแฟนมีตติ้งที่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะอากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ฉันเลือกดื่มชามิ้นท์ผสมขิง เพราะว่าคอฉันเหมือนจะบวมค่ะ


ㅡ มาญี่ปุ่นทั้งหมดกี่ครั้งแล้วคะ


เซจอง: นับครั้งไม่ถ้วนเลยค่ะ ตอนไปเที่ยวกับครอบครัวครั้งแรกก็ไปที่โอซาก้า หลังจากเดบิวต์ ตอนที่ฉันอายุ 22 ก็มาอีกค่ะ


ฉันซื้อเบียร์กับสาเกที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้นด้วยค่ะ (หัวเราะ)



ㅡ มีอะไรที่คุณอยากทำหรือได้ทำไปแล้วระหว่างมาญี่ปุ่นครั้งนี้ไหม


เซจอง : ฉันไปที่ร้านสะดวกซื้อทันทีที่มาถึงเลยค่ะ ฉันชอบร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่นมาก (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็ไปดองกิโฮเต้ (Don Quijote: ร้านดองกี้) เพื่อไปซื้อเบียร์และสาเกที่ซื้อได้ในญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ (หัวเราะ)


ㅡ มีแบรนด์ที่ชอบไหมคะ


เซจอง: ฉันซื้อแบรนด์ที่มีคนแนะนำมาค่ะ เบียร์ของญี่ปุ่นไม่ค่อยแรงมาก และเป็นอะไรที่ไว้ใจได้ค่ะ มีเบียร์ที่มีน้ำตาลต่ำ (Low Sugar) ขายอยู่เยอะมาก ฉันคิดว่ามันน่าอร่อยก็เลยซื้อมาลองดื่มดูค่ะ



ㅡ มีอย่างอื่นอีกไหมคะ


เซจอง: ฉันได้กินทาโกะยากิ แล้วก็ซื้อยากิโซบะกลับไปด้วยเยอะเลยค่ะ ประมาณครึ่งกระเป๋าเดินทางของฉันเป็นยากิโซบะกับเบียร์ค่ะ แล้วก็ที่ชอบในญี่ปุ่นอีกอย่างหนึ่งคือฤดูหนาว ครั้งหน้าถ้าได้มาญี่ปุ่นอีกก็อยากมาในช่วงที่หิมะตก และใช้เวลาอย่างมีความสุขในฤดูหนาวค่ะ


ㅡ ช่องว่างของความแตกต่างระหว่างคุณเซจองที่สวมชุดเดรสสีขาวเหมือนนางฟ้ากับการพูดถึงเบียร์ช่างน่าสนใจและน่าดึงดูดจังค่ะ


เซจอง: (ปรบมือและหัวเราะดัง) จริง ๆ ฉันก็ดื่มได้ไม่เยอะ แต่ก็อยากดื่มด่ำกับมันอย่างมีความสุขน่ะค่ะ



ㅡ ช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดในการทำกิจกรรมที่ญี่ปุ่นคืออะไรคะ


เซจอง: ตอนที่จัดแฟนมีตติ้งในญี่ปุ่นครั้งแรกในฐานะคูกูดันค่ะ ฉันจำช่วงเวลานั้นได้ดี เพราะเป็นการจัดงานแฟนมีตติ้งครั้งแรกที่ญี่ปุ่น ครั้งนั้นมาทำงาน แต่เหมือนกับได้มาเที่ยวกับสมาชิกในวงเลยค่ะ


ㅡ ในครั้งนี้คุณมาตัวคนเดียว


เซจอง: ตอนไปจัดงานแฟนมีตติ้งที่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แฟน ๆ ได้เตรียมวีดีโอที่มีคูกูดันอยู่ด้วยค่ะ ในตอนนั้นเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันรู้สึกว้าเหว่ เหงา และกลัวขึ้นมาค่ะ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้น "นี่เป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่ล่ะ มาทำให้ดีที่สุดเถอะ!"



ㅡ ฉันตั้งตารอที่จะได้พบคุณในครั้งนี้นะคะ แต่พบว่าคุณน่ารักมาก และได้รับความนิยมมากกว่าที่ฉันคิดไว้อีกค่ะ ฉันประหลาดใจที่เห็นแฟน ๆ ของคุณรอต่อแถวกับเพียบที่โซนขายของระลึกของงานแฟนมีตติ้ง (Merch) เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วด้วยค่ะ


เซจอง: จริงเหรอคะ? ฉันไม่รู้เลยค่ะ! แฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นมีสายตาอบอุ่นมาก เวลาที่ฉันมองพวกเขา จู่ ๆ น้ำตาก็จะไหลออกมาโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ ฉันอยากเจอทุกคนไว ๆ จัง!


บทละครที่แตกต่าง "ยังเป็นเหมือนเดิม เพียงแค่ความรู้สึกนั้นต่างกัน"



ㅡ ผู้ชมบางคนจำไม่ได้ว่าคุณคือนักแสดงคนเดียวกันที่แสดงเรื่อง The Uncanny Counter และ Business Proposal


เซจอง: ตัวฉันเวลาที่ได้รับบทที่ใกล้เคียงกับตัวเอง กับบทที่ไม่ค่อยถนัดนั้นต่างกันค่ะ มีบางช่วงที่ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็น '(ชิน)ฮารี' (Business Proposal) แต่บางครั้งก็ไม่เหมือนค่ะ ความรู้สึกอาจจะต่างกัน แต่สุดท้ายแล้ว (ตัวฉันเอง) ก็เหมือนเดิมนะคะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองเห็นด้านไหนมากกว่ากันเท่านั้น


ㅡ บทบาทไหนที่ใกล้เคียงกับคุณที่สุด


เซจอง: อืม... (คิดอยู่นาน) ฉันคิดว่าเป็น 'มาอึม' จากเรื่อง Today's Webtoon ที่กำลังจะออกอากาศในญี่ปุ่นค่ะ เป็นละครที่รีเมคเรื่อง Juhan Shuttai!



ㅡ ได้ยินว่านักแสดงที่แสดงร่วมกันใน Business Proposal นั้นมีอายุไล่เลี่ยกัน และในกองถ่ายก็สนุกสนานมาก ตอนนั้นพูดคุยอะไรกันบ้างคะ


เซจอง: น่าแปลกใจเหมือนกันนะคะที่ฉันกับคุณอันฮโยซอบมักจะคุยกันเรื่องจิตวิทยาและความเป็นมนุษย์กัน ส่วนกับซอลอินอา เราคุยกันเรื่องส่วนตัวและเรื่องการแสดงค่ะ เราสนิทกันมากจนถึงขนาดที่ไปเที่ยวด้วยกันแบบส่วนตัว และได้พูดคุยอย่างเปิดใจกันเป็นอย่างดีเลยค่ะ แต่เสียดายที่กับคุณคิมมินกยูไม่ค่อยได้เข้าฉากด้วยกัน ก็เลยไม่ค่อยได้พูดคุยกันสักเท่าไร ก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้สนิทกันค่ะ


ได้เตรียมตัวสำหรับถ่ายทำฉากแอ็กชั่นใน The Uncanny Counter มากเลยใช่ไหมคะ


เซจอง: ในตอนนั้นฉันไปที่สถาบันสอนการแสดงแนวแอ็กชั่นบ่อยมากเท่าที่ฉันจะทำได้เลยค่ะ ซึ่งในตอนนี้ก็กำลังถ่ายทำละครภาคต่ออยู่ ในคิวบู๊เท่ ๆ เราสามารถพึ่งพาทีมสตั๊นท์ ได้ แต่สิ่งที่ฉันคิดว่าสำคัญที่สุดคือการเพิ่มพละกำลังที่จะการแสดงรับส่งกับพวกเขาไม่ว่าจะต้องถ่ายใหม่กี่ครั้งก็ตามค่ะ


จุดพลิกผันในฐานะนักร้อง "เพลงที่ได้แสดงศักยภาพของฉันออกมา"



ㅡ คุณเซจองเป็นนักร้อง แต่เราควรจะเรียกคุณว่าเป็นนักแต่งเพลงด้วยดีไหมคะ


เซจอง : (ดวงตาเปล่งประกาย) ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นค่ะ แต่การที่จะถูกเรียกว่าเป็นทั้งนักร้องและนักแต่งเพลงก็คงจะต้องทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์อย่างมั่นคงเสียก่อน ตอนนี้มีเพลงของตัวเองแล้วหลายเพลง และมีเพลงที่แต่งไว้อีกมากมาย ถ้าค่อย ๆ ปล่อยออกมาอย่างสม่ำเสมอ ก็คงจะคู่ควรกับการถูกเรียกว่าเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงได้อย่างไม่มีข้อกังขาค่ะ



จุดพลิกผันในสายอาชีพของคุณในฐานะนักร้องคืออะไรคะ


เซจอง: เพลง "Flower Way" ที่เป็นเพลงเดี่ยวเพลงแรกของฉัน และเป็นเพลงที่ได้แสดงศักยภาพของฉันออกมาค่ะ เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกว่า "ลองเป็นคนที่กล้าจะท้าทายตัวเองโดยปราศจากความกลัวกันเถอะ!" เพลงนี้เป็นเพลงที่ฉันไม่สามารถลืมได้เลยค่ะ



ㅡ การรักษาสมดุลระหว่างการร้องเพลงและการแสดงคงจะยากมากเลยนะคะ


เซจอง: การทำทั้งสองสิ่งนี้กลับเป็นแต้มต่อของฉันนะคะ เพราะว่าถ้าฉันรู้สึกว่าสิ่งนี้ยากลำบาก ฉันก็จะเลือกทำอีกสิ่งหนึ่งได้ อย่างเวลาที่ฉันติดขัดเรื่องการทำเพลง ฉันก็รู้สึกดีที่สามารถเลือกการแสดงแทนได้ค่ะ (ศิลปิน) คนอื่นอาจจะคิดว่าพอร้องเพลงจบแล้วจะรู้สึกว่า "อ้าว จบแล้วเหรอ" แต่สำหรับฉัน การร้องเพลงเป็นเหมือนการได้พักร้อนค่ะ


ㅡ "คิมเซจอง" เป็นชื่อที่เพราะมากเลยค่ะ เป็นชื่อจริงหรือเปล่าคะ?


เซจอง : ใช่ค่ะ เขียนว่า 世正 เป็นชื่อที่คุณตาตั้งให้ค่ะ ได้ยินมาว่าตอนนั้นคุณตามีความคิดว่าอยากให้ฉัน 'ใช้ชีวิตในโลกนี้ด้วยความถูกต้อง จงเป็นมนุษย์ที่มีความซื่อตรง' ในเกาหลีมีคำพูดที่ว่า ชื่อเป็นสิ่งแทนตัวคนเรา และชีวิตของคนคนนั้นก็จะเป็นไปตามชื่อที่ถูกกำหนดไว้ แต่ตัวฉันเองก็พยายามที่จะใช้ชีวิตให้ควรค่ากับชื่อนี้ที่ได้รับมาค่ะ



ㅡ คุณเซจองได้รับฉายามากมาย ไม่ว่าจะเป็น "แฟนสาวแห่งชาติ" "นักแสดงขวัญใจแห่งชาติ" "เทพีแห่งละครโรแมนติกคอมเมดี้รุ่นต่อไป" "ราชินีแห่งเรตติ้ง" และ "เอ็มม่า สโตน แห่งเกาหลี" คุณรู้สึกอย่างไรบ้างคะ


เซจอง: ฉันต้องทำงานให้หนักขึ้นแล้วล่ะค่ะ เพราะได้ฉายาทั้งหมดนี้มาประดับไว้ (หัวเราะ) แต่ความจริงแล้ว ฉายาที่ฉันชอบที่สุดคือ "ก๊อดเซจอง" ค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้หมายถึงว่าฉันเป็นเทพอะไรแบบนั้นนะคะ แต่ว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกน่ะค่ะ (หัวเราะ)


ㅡ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เทพี แต่เป็น 'ก๊อด' (God) สินะคะ


เซจอง: หุๆๆ (หัวเราะเสียงต่ำอย่างร่าเริง)


คิมเซจองในวัย 26 ปี "คนที่คุณคาดหวังได้ในอนาคต"



ㅡ ถ้าให้อธิบายคิมเซจองอายุ 26 ปีอย่างเป็นรูปธรรมจะเป็นบุคคลแบบไหน

เซจอง : เป็นคนที่ตรงไปตรงมาและโกหกไม่เป็นค่ะ เธอจึงเป็นที่พยายามใช้ชีวิตเป็นคนที่ดี ไม่เพียงแต่ที่จะเป็นคนดีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นคนที่พยายามจะเดินไปในทางที่ถูกที่ควรด้วย แม้ว่าเธอจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีเมื่อเทียบกับอายุของตัวเอง แต่การจะเป็นมืออาชีพนั้นก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก จึงคิดว่าเธอเป็นคนที่คุณจะสามารถคาดหวังและเฝ้ารอ (การเติบโต) ของเธอได้มากทีเดียวในอนาคตค่ะ


ㅡ เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตที่ผ่านมาคืออะไรคะ


เซจอง : ถ้าเป็นหน้าที่การงาน คือการได้แสดงใน The Uncanny Counter และได้ร่วมแสดงละครเวที Red Book ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองได้มากเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านั้นฉันค่อนข้างดูถูกตัวเองค่ะ ฉันรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก เพราะคิดว่าตัวเองมีความรู้สึกที่มากเกินไป (มีแพชชั่นแรงกล้า, มีอารมณ์อ่อนไหว) แต่แล้วก็พบว่าทุกคนที่ร่วมแสดงละครเวทีเรื่องนี้มีความกระตือรือร้นและอ่อนไหวทางอารมณ์มากกว่าฉันเสียอีก พวกเขาปลดปล่อยอารมณ์และความกระตือรือร้นของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ การได้ทำงานกับคนเหล่านั้นทำให้ฉันมีความสุขมากค่ะ และ (เป็นช่วงเวลาที่) ทำให้ฉันได้สร้างผลงานออกมาได้ดีอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ฉันจึงคิดขึ้นมาได้ว่าฉันไม่ผิดแปลก อะไรเลย และ (แพชชั่น) ก็ยิ่งลุกโชนขึ้นอีก การแสดงละครเวที Red Book ให้โอกาสฉันในการใช้ชีวิตต่อไปด้วยความอบอุ่นที่พอดิบพอดี แต่ก็ยังมีไฟแรงกล้าโดยที่ไม่เผาทำลายตัวเองค่ะ



ㅡ สุดท้ายนี้ ในปัจจุบันที่คุณกำลังประสบความสำเร็จสูงสุด ความมุ่งหมายของการทำกิจกรรมในอนาคตของคุณเซจองคืออะไรคะ


เซจอง : คุณอาจจะเรียกว่า ณ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาดีที่สุดของฉันแล้ว แต่ฉันคิดว่าเส้นทางที่จะไปถึงจุดสูงสุดได้นั้นยังคงอีกยาวไกลมากค่ะ ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันไม่สามารถแสดงให้ทุกคนได้เห็น ซึ่งมันมีมากกว่าที่ฉันได้แสดงให้เห็นไปแล้วเสียอีกค่ะ ในตอนนี้ยังไปไม่ถึงจุดที่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้อย่างอิสระ ดังนั้น ฉันต้องการที่จะร้องเพลงในแนวที่ฉันอยากร้องอย่างเต็มที่โดยไม่กลัวอีกต่อไป และอยากที่จะแสดงในแบบที่ฉันต้องการจะทำจริง ๆ ค่ะ



รูปเพิ่มเติม

 

แปลและเรียบเรียงโดย CLOVERIE IRIS

** ห้ามนำเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบทความนี้ออกไปเผยแพร่ที่ช่องทางอื่นเด็ดขาด หากต้องการแชร์เนื้อหาในบทความ ควรให้เครดิตผู้แปลโดยระบุชื่อ "CLOVERIE IRIS" พร้อมด้วยการแนบลิงก์บทความนี้นะคะ



64 views0 comments

Comments


Commenting has been turned off.
โพสต์: Blog2 Post
bottom of page