เรื่องราวความรักในยุควิคตอเรียนของทนายความหนุ่ม 'บราวน์' และ 'อันนา' (รับบทโดย คิมเซจอง) หญิงสาวหัวสมัยใหม่ที่ไม่ปฏิบัติตัวตามกรอบของสังคม อันนาผู้มีความคิดเป็นตัวเอง และเปิดเผยเรื่องเพศ ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามในยุคสมัยนั้น
1. The One Who Speaks About Me
"การเป็นตัวเองนั้นกลับกลายเป็นเรื่องผิดบาป การเป็นตัวเองกลับทำให้ฉันต้องรับโทษทัณฑ์ ในโลกที่เต็มไปด้วยปัญหาสารพัน หลงเหลือเพียงคำตอบที่ผิดไว้เพียงหนึ่ง ลบเลือนตัวตนของฉัน เพียงเพราะฉันเป็นตัวเอง อันตรธานไป เพียงเพราะฉันเป็นตัวเอง ในยุคที่ใสสะอาดปราศจากมลทิน ฉันเกือบจะป้ายความเปื้อนเปรอะลงไป ฉันจะเปล่งเสียงออกมาเพื่อตัวของฉันเอง"
'ฉันจะเปล่งเสียงออกมาเพื่อตัวของฉันเอง' ส่งสารถึงผู้ชมว่าสุดท้ายแล้ว อันนาจะยืนหยัดในความคิดและการกระทำของตัวเอง แม้จะไม่มีใครรักเธอแล้วก็ตาม
2. Love Is Like
"ความรักก็เช่นกัน เปรียบเหมือนสภาพอากาศในวันนี้ บางทีก็มีเมฆมาก บางทีก็สว่างสดใส บางทีก็หนาวเหน็บ บางทีก็อบอุ่น"
ฉากนี้เป็นฉากที่ 'บราวน์' คุยกับ 'อันนา' เกี่ยวกับมุมมองเรื่องความรักที่แตกต่างกัน ฝ่ายทนายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเหตุใดคู่รักจึงต้องการหย่ากัน หญิงสาวจึงพูดถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้เสมอ และเปรียบเทียบว่า "ความรักก็เช่นกัน"
ละครเวทีเรื่องนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางสายการแสดงของเซจอง การรับบทบาท 'อันนา' ทำให้ได้รับคำชื่นชมจากทั้งแฟนคลับ แฟนละครเวที นักวิจารณ์ และสื่อหลายสำนัก อาทิ
ㄴ ย้อนชมทุกความประทับใจของเซจองอันนา ที่นี่
ความสำเร็จของละครเวที Red Book
เซจองมีชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ (Female Rookie Awards) จากงาน Korea Musical Awards ครั้งที่ 6 แม้จะเป็นการแสดงละครเวทีเต็มตัวครั้งแรกอีกด้วย
ข้อความอำลาอันนา จากอินสตาแกรมของเซจอง
ในการแสดงรอบสุดท้าย (24 สิงหาคม) เซจองกล่าวข้อความอำลาไว้ว่า
บทสัมภาษณ์เซจองจากสำนักข่าว
ชมเบื้องหลังการแสดงละครเวทีวันสุดท้ายของเซจองได้ที่
บทความโดย CLOVERIE IRIS
Comentários