top of page
Writer's pictureCLOVERIE IRIS

รวมทุกความประทับใจในงานแฟนมีตติ้งครั้งแรกของคิมเซจอง [Sejeong's Sesang Diary]

Updated: May 30, 2022

งานแฟนมีตติ้งครั้งแรกของคิมเซจองในรอบ 6 ปีหลังจากเดบิวต์ [Sejeong's Sesang Diary] ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2022 ที่ Yes24 Live Hall และออนไลน์ทาง Kavecon ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง รวม 17 บทเพลงได้จบลงอย่างสวยงาม เป็นงานแฟนมีตติ้งที่เซจองเตรียมเรื่องราวมาแบ่งปันกับเหล่าเซซัง (แฟนคลับ) ด้วยความตั้งใจที่จะส่งความจริงใจที่เธอมีให้ผู้ชมทุกคนได้รับรู้



เซจองมาในลุคผมบ๊อบน่ารัก สวมเดรสสั้นสีม่วงเป็นระบายที่ดูคล้ายเจ้าหญิงและนางฟ้าที่อยู่ในป่าอย่างที่เซซังหลายคนชื่นชม เซจองเล่าว่าเป็นชุดที่สไตลิสต์ออกแบบและตัดเย็บขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ


เซจองเริ่มร้องเพลงสลับกับพูดคุยกับเซซังด้วยความเป็นกันเอง โดยเริ่มจาก Flower Way ซึ่งเป็นเพลงที่พูดถึงความรักของคุณแม่ และเริ่มพูดคุยกับเซซังว่างานแฟนมีตติ้งครั้งนี้เป็นเหมือนไดอารี่สำหรับเธอ ทุกครั้งที่เปิดอ่านไดอารี่ก็จะนึกถึงวันที่จดบันทึกข้อความลงไป เพลงต่าง ๆ ก็เช่นกัน เมื่อเปิดฟังแต่ละครั้งจะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน และจะนึกถึงวันแรกที่อัดเสียง เซจองพูดต่อว่า "แฟนหลายคนอาจติดตามกันมานานแล้ว แต่หลายคนอาจจะเพิ่งมารู้จักกัน หวังว่าแฟนมีตติ้งครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ทำให้ฉันได้แสดงความจริงใจไปสู่ทุกคนนะคะ"



จากนั้นก็ทักทายทีมงานจากละคร Business Proposal ที่มาชมงานแฟนมีตติ้งครั้งนี้ รวมทั้งเล่า TMI (เรื่องที่รู้ก็ดีแต่ไม่ต้องรู้ก็ได้) ว่าวันนี้ไม่ได้กินอาหารมื้อเย็น เพราะกังวลว่าจะใส่ชุดเดรสแล้วไม่สวย และอีกข้อหนึ่งคือผู้จัดการส่วนตัวติดสติ๊กเกอร์ที่เล็บให้แทนการทำเล็บ เพราะพรุ่งนี้ (24 เมษายน) จะเริ่มถ่ายละครเรื่องใหม่ (Today's Webtoon) แล้ว เป็นโมเมนต์น่ารัก ๆ ที่แบ่งปันให้เซซังได้รู้ในวันนี้


เซจองร้องเพลง Plant และเล่าว่าเป็นเพลงที่แต่งโดยคุณซอนอูจองอา (Sunwoojungah) ศิลปินที่เธอชื่นชอบ และพูดคุยติดตลกว่า "คุณแม่นั่งอยู่ตรงไหนคะ หนูทำต้นไม้ที่คุณแม่ส่งมาให้ตายไปหลายต้นเลยค่ะ พยายามรดน้ำแล้ว แต่ก็ไม่รอด" และเปรียบเทียบว่าความรักต่อเซซังเป็นเหมือนการดูแลต้นไม้ "ต้นไม้ต้องการน้ำและแสงแดด แล้วฉันจะมอบความรักให้พวกคุณได้อย่างไรกันนะ"


เซจองอ่านจดหมายที่เซซังส่งมาให้ โดยมีเนื้อความที่น่าประทับใจต่างกัน เซซังแต่ละคนเล่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเองตัดสินใจมาเป็นแฟนคลับของเซจอง

  • รู้จักเซจองมา 7 ปีแล้ว ทุกครั้งที่ฟังเพลงของเซจองก็จะได้รับพลังใจ รู้ว่าเซจองเองก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกัน ขอบคุณที่ให้แรงบันดาลใจและขอบคุณที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

  • เป็นพนักงานทำงานพาร์ตไทม์ ในวันที่ทำงานผิดพลาดและเลือกเดินกลับบ้านแทนการนั่งรถเมล์ เพลง Hopes for tomorrow ก็สุ่มเล่นมาพอดี รู้สึกว่าได้รับคำปลอบโยนที่ดีมาก

  • ได้ดู V Live ในคืนวันสิ้นปี ช่วงที่เคาท์ดาวน์เซจองพูดให้กำลังใจในการใช้ชีวิต รู้สึกประทับใจมาก และตอนนี้ยังย้อนกลับไปฟังทุกคืน

  • ความอบอุ่นและความสุขที่ได้รับคงจะเป็นการฟังเพลงขอเซจองที่คอยปลอบประโลมใจ เพราะเป็นคนไทยที่มาทำงานที่เกาหลี เวลาที่เหนื่อยหรือท้อจากการทำงาน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเซจองจะช่วยให้มีพลังขึ้นมา ต้องขอบคุณเพลง Plant ที่เป็นเหมือนกระถางต้นไม้สีเขียวใบเล็ก เช่นเดียวกับแรงโน้มถ่วงขับเคลื่อนโลก บทเพลงของเซจองก็ขับเคลื่อนชีวิตของตนเช่นกัน*

  • ติดตามเซจองทั้งใน Bubble และ Vlive สัมผัสได้เลยว่าเซจองรักแฟนคลับมาก เพลงแต่ละเพลงก็มีความหมายปลอบโยน และเปรียบเทียบว่าเซจองและเซซังเป็นฤดูกาลทั้ง 4 ของกันและกัน "ในฤดูใบไม้ผลิ เราผลิบานเฉกเช่นดอกไม้ให้แก่และกัน,ในฤดูร้อน เราโอบล้อมกันราวกับเกลียวคลื่น, ในฤดูใบไม้ร่วง เราคล้ายเสียงใบไม้ตกกระทบพื้นแสนไพเราะ, และในฤดูหนาว เราโอบกอดกันดั่งเกล็ดหิมะที่โปรยปราย"



เซจองเล่าว่าคนดี ๆ มักจะดึงดูดเข้าหากันเสมอ เซซังเองก็เป็นกลุ่มคนดี ๆ ที่เซจองอยากแสดงทุกสิ่งให้ได้รับรู้ เวลาที่ได้ย้อนกลับไปอ่านคอมเมนต์ในผลงานเก่า ๆ ก็จะได้รับพลังจากเซซังเช่นกัน และร้องเพลง Tunnel แด่ทุกคนที่กำลังเผชิญความยากลำบาก


พูดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเซจอง 2 ข้อ ข้อแรกคือค้นพบว่าตัวเองรักงานแสดงมาก แม้จะรู้สึกอยากกลับมาร้องเพลงทุกครั้งที่แสดงละคร แต่ก็รู้สึกอยากกลับไปแสดงละครทุกครั้งที่ร้องเพลงเช่นกัน เชื่อว่ามีหลายคนที่มาเป็นเซซังเพราะติดตามผลงานละคร หรือรู้จักเซจองในฐานะนักร้องเพลงประกอบละคร (OST) จากนั้น เซจองสลับกลับมาอ่านจดหมายจากเซซังอีก 5 คน โดยมีใจความว่า

  • ได้ดูละคร The Uncanny Counter และฟังเพลง Meet Again (เพลงประกอบละคร) รู้สึกประทับใจและได้กำลังใจ จึงคิดจะมาเป็นแฟนคลับ วันนี้ก็ขอคุณพ่อคุณแม่มางานแฟนมีตติ้งด้วย แม้จะเดินทางไกลแต่ดีใจที่ได้มาเป็นแฟนคลับของเซจอง

  • รู้จักเซจองจากละคร School 2017 ช่วงนั้นเข้าโรงพยาบาลพอดี ตนเองเป็นแฟนคลับซีรีส์ School อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เปิดดูละครโดยที่ไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับละครเลย ได้ดูเซจองแสดงก็ประทับใจและตามหาว่านักแสดงที่รับบท 'ราอึนโฮ' เป็นใคร จนมารู้ว่าคือเซจอง

  • ติดตามจากละครเวที Red Book ประทับใจการแสดงบท 'อันนา' ของเซจองจนต้องซื้อบัตรไปชมรอบที่ 2 และชื่นชมที่เซจองมีพัฒนาการในการแสดงดีกว่ารอบที่แล้วอีก ตัดสินใจสมัคร Bubble และไล่ดูผลงานของเซจองอีกหลายชิ้น

  • รู้จักเซจองมานานแล้ว ตนเองทำงานในโรงพยาบาล งานค่อนข้างยากลำบาก ได้ดู Produce 101 แล้วได้รับพลังจากเซจอง เพิ่งรู้ว่าเราสามารถได้รับพลังจากคนที่ไม่รู้จักได้มากเท่านี้ ตอนนี้ทำงานที่โรงพยาบาลเดิมมา 7 ปีแล้ว ขอบคุณที่เซจองเป็นพลังดี ๆ ให้ | เซจองเล่าว่าจำแฟนคลับคนนี้ได้ เพราะในงานแจกลายเซ็นออนไลน์ (Call Sign) แฟนคนนี้สวมชุด PPE ตอนที่คุยกับเซจอง เนื่องจากเป็นพยาบาลที่ต้องทำงานในช่วงที่โควิด-19 ระบาด เซจองจำได้ว่าวันนั้นตัวเองร้องไห้ และหวังว่าจะมอบพลังให้เซซังที่ทำงานหนักได้

  • มาเป็นแฟนคลับเพราะได้ดูละคร Business Proposal ในละครว่าน่ารักแล้ว ตามดูเบื้องหลังรู้สึกว่าเซจองน่ารักมาก เป็นคนที่จริงใจ ถึงจะมาเป็นเซซังช้าไป แต่รู้สึกโชคดีที่มีได้มาเป็นเซซัง


ในระหว่างที่อ่านจดหมาย เซจองทำแอกโย่น่ารัก ๆ จากละคร School 2017 ที่เคยเป็นไวรัลโด่งดังในช่วงที่ละครฉาย รวมทั้งร้องเพลงประกอบละครที่ตัวเองร้องให้เซซังได้ฟังกันแบบสั้น ๆ ได้แก่ เพลง If Only (Legend of the blue sea OST) เพลง All of my days (Crash landing on you OST) เพลง Meet again (The uncanny counter OST) และเพลง Love, maybe (Business Proposal OST) ซึ่งเซจองเล่าว่าตอนแรกเพลง Love, maybe ไม่ได้จะปล่อยออกมาในเวอร์ชั่น Acoustic แต่ด้วยตารางเวลาจึงไม่ได้ไปอัดเสียงใหม่ วันนี้จึงจะร้องในรูปแบบ Acoustic ที่เหมือนกับว่าได้ไปอัดเสียงใหม่อีกครั้งให้ทุกคนได้ฟัง



เซจองพูดถึงความกดดันในการเป็นไอดอลนักแสดง "ฉันคิดเสมอว่าฉันเหมาะสมแล้วหรือกับการรับบทนำ ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญในละคร มันเป็นความกดดันที่ต้องแบกรับค่ะ ฉันไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองจะสามารถพูดว่าฉันรักการแสดงได้ไหม เพราะฉันทราบดีว่ามีนักแสดงหลายท่านที่ศึกษาด้านการแสดงมาโดยตรง และทุ่มเททั้งเวลาและความพยายามยิ่งกว่าฉันหลายเท่า แต่พวกเขาไม่ได้โชคดี (ที่ได้รับโอกาสทางการแสดง) เหมือนฉันค่ะ แต่ฉันต้องยอมรับว่าความกดดันที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา และหาวิธีที่ทำให้ตัวเองสนุกกับการแสดง เพราะฉันรักการแสดงไม่น้อยไปกว่าการร้องเพลง ความกดดันตรงนี้จึงเป็นสิ่งย้ำเตือนว่าฉันยิ่งต้องพยายามให้หนักขึ้นในทุกโอกาสที่ได้รับมาค่ะ"


การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเซจองข้อที่ 2 คือ เมื่อปีที่แล้วคุณยายของเธอจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจ ปกติแล้วในช่วงปีใหม่ คุณแม่ คุณยาย และเซจองจะมีธรรมเนียมไปซาวน่ากันทุกปีก่อนฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง เซจองเคยสงสัยว่าทำไมคุณแม่ต้องให้ไปซาวน่ากันทุกปีด้วย แต่คิดได้ว่าคุณแม่คงอยากให้คนในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน มอบพลังให้แก่กัน แต่หลังจากที่เซจองทำงานแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลาไปกับคุณแม่และคุณยาย ตอนนี้จึงนึกสงสัยว่าคุณแม่จะไปซาวน่าคนเดียวไหม (เพราะคุณยายจากไปแล้ว) "ด้วยอาชีพที่ฉันทำอยู่ มีหลายสิ่งที่ต้องเลื่อนออกไป และหลายสิ่งที่ต้องเสียสละค่ะ บางครั้งฉันต้องตัดสินใจเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งด้วยความลำบากใจ บางครั้งก็ไม่ได้ใช้เวลากับคนที่ฉันรัก หวังว่าทุกคนจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยใจกับฉันไปก่อน และหวังว่าทุกคนจะยังรอคอยช่วงเวลาแห่งการผลิบานของฉันต่อไปค่ะ"


เซจองร้องเพลง Spring day goes (ต้นฉบับของคุณคิมยูนา) เป็นเพลงที่เป็นตัวแทนการบอกเล่าถึงคุณแม่ คุณยาย และเซจอง จากนั้นก็ชวนให้เซซังทำมือทั้ง 2 ข้างเป็นรูปภูเขา และเปรียบว่าเซซังเป็นเหมือนภูเขาสำหรับเซจอง "เพราะไม่ว่าจะพบความเหน็ดเหนื่อย สั่นคลอน หรือยากลำบาก แต่ไม่ว่าเมื่อไรที่มองไป ไม่ว่าจะมองจากที่ไกลแสนไกล ภูเขาก็จะอยู่ตรงนั้นเสมอ แม้ว่าฉันจะยุ่งหรือหายไป แต่ทุกคนก็คอยอยู่ตรงนั้น คอยถามไถ่ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า จนฉันสงสัยว่าทำไมทุกคนจึงดีกับฉันขนาดนี้ ฉันสมควรได้รับความรักมากมายขนาดนี้หรือ เพราะเซซังรักฉันโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ หากว่าฉันเคยพูดหรือทำอะไรที่ทำร้ายความรู้สึกไป ต้องขอโทษด้วยนะคะ... ฉันคิดว่าจะเป็นภูเขาให้เซซังให้ได้เช่นกันค่ะ "


"แฟน ๆ ชอบบอกว่าฉันเป็นคนดี แต่ความจริงฉันไม่ใช่คนที่ดีขนาดนั้นนะคะ ฉันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่นักบุญ เพราะฉะนั้นอาจมีวันที่ทำผิดพลาดได้เหมือนกัน ฉันอยากทำงานตรงนี้ไปนาน ๆ อยากปกป้องคนที่ทำงานด้วยกัน ในจุดที่ฉันยืนอยู่ แค่ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจจะทำให้การงานของคนอื่นเดือดร้อนค่ะได้ ฉันจึงเตรียมตัวไว้เสมอเผื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น หากว่าวันที่อาจจะเป็น 'จุดจบ' มาถึงจริง ๆ หวังว่าจะมีใครสักคนถามฉันว่า 'ทำไมจึงเป็นแบบนี้ ?' ฉันอยากเป็นคนที่ได้รับประโยชน์จากการตั้งข้อสงสัยนั้นค่ะ" (T/N: เข้าใจว่าเซจองจะสื่อว่า ในกรณีที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น อยากให้แฟนคลับตั้งคำถามถึงสาเหตุของการกระทำ มากกว่าแค่จะด่าว่าหรือทับถมโดยไม่ถามหาความจริง)



เซจองพูดก่อนร้องเพลง Maybe I am ว่า "ฉันอยากเป็นคนที่ซื่อสัตย์และสามารถเปิดเผยเรื่องราวต่าง ๆ ให้เซซังได้รับรู้ค่ะ แต่ฉันรู้ดีว่าฉันเป็นคนที่กลัวความผิดพลาด กลัวว่าจะทำให้ทุกคนผิดหวัง ฉันเป็นเด็กที่มีความกลัวอยู่เยอะเลยล่ะค่ะ" และระหว่างที่เซจองร้องเพลงนี้ เซซังก็ชูแบนเนอร์ที่มีข้อความว่า "ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เซซังจะอยู่เคียงข้างเสมอ" เซจองที่เห็นโปรเจกต์ก็น้ำตาซึมจนต้องหยุดร้องเพลงไปช่วงหนึ่ง และกล่าวขอบคุณแฟน ๆ "ฉันจะเป็นเซจองที่คอยอยู่เคียงข้างทุกคนเสมอค่ะ"


หลังจากร้องเพลงจบ เซจองเล่าถึงช่วงที่แสดงละครเวที Red Book รุ่นพี่นักแสดงพูดว่าการแสดงเป็นเหมือนกับการสร้างกล้ามเนื้อ "เราไม่สามารถเลียนแบบการแสดงของคนอื่นได้ เพราะแต่ละคนมีประสบการณ์การแสดงต่างกัน ฉันเป็นคนที่มีความทะยานอยากทำให้ดีในเวลาสั้น ๆ แต่ต้องยอมรับว่ายังต้องใช้เวลาอีกมากค่ะ อยากสร้างกล้ามเนื้อ (ทักษะ/ประสบการณ์) และรักษามันเอาไว้ ความจริงแล้วทุกอย่างในชีวิตของฉันนับเป็นกล้ามเนื้อได้หมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำ บุคลิกนิสัย ภาพลักษณ์ ทักษะ มิตรภาพ และความรัก วันนี้เป็นงานแฟนมีตติ้งครั้งแรก ก็นับว่าเป็นกล้ามเนื้ออีกมัดหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของฉันเช่นกัน และมันจะเป็นพละกำลังให้ฉันต่อไปในอนาคต"


"ฉันคงจะจดจำกระบวนการของการเตรียมงานวันนี้ และช่วงเวลาจากการถ่ายละครที่ผ่านมาไว้อย่างขึ้นใจ รวมถึงการเตรียมตัวในบทบาทการแสดงเรื่องต่อไปด้วย ฉันจะยังคงสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ และจะสัญญากับทุกคนไว้ข้อหนึ่งว่า ฉันจะหยุดพักในช่วงเวลาที่เหมาะที่ควรค่ะ ฉันได้สัมภาษณ์นักกีฬาท่านหนึ่งคร่าว ๆ ว่ากีฬามีความสำคัญกับเธออย่างไร สำหรับฉันการแสดงก็มีความหมายแบบนั้นเช่นเดียวกัน คือเป็นสิ่งที่มอบความแข็งแกร่งและความสุขให้ฉันได้เสมอ แต่หากว่า (ร่างกายและจิตใจ) เหนื่อยล้าเกินไป ฉันจะหยุดพัก แล้วจะกลับมาร้องเพลงและทำการแสดงต่อไปก่อนที่กล้ามเนื้อเหล่านั้นจะสูญสลายไปเสียก่อนค่ะ"


จากนั้นเข้าสู่ช่วงถ่ายภาพกับเซซัง และเซจองร้องเพลง Whale แต่หยุดกะทันหันเพราะรู้สึกว่าร้องไม่ตรงโน้ต จึงขอร้องใหม่อีกครั้ง เพราะ "งานแฟนมีตติ้งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ไม่ควรจะต้องรู้สึกเสียดายทีหลัง" จึงอยากทำให้ดีที่สุด ต่อด้วยเพลง Skyline และ Let's go home เป็นเพลงสุดท้าย


ช่วงเปิดวีดีโอ Ending ในธีม "ความฝัน, ปัจจุบัน, อนาคต" ที่พูดถึงกลิ่นของ Room spray หนึ่งใน Official goods ซึ่งเซจองเป็นผู้ออกแบบกลิ่น และความรู้สึกของเซจองต่อเซซัง โดยในวีดีโอมีเนื้อหาดังนี้


"ฉันจะรวมทุกอย่างในวันนี้ไว้ด้วยกลิ่นนี้ค่ะ น้ำหอมที่ฉันฉีดในวันนี้คือกลิ่นเดียวกับที่ใช้ในงานตอนนี้ กลิ่นที่แตะปลายจมูกของฉัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ฉันเกือบจะร้องไห้ออกมาหรือช่วงเวลาไหน ฉันจะใช้กลิ่นเดียวกันนี้ และวันใดที่อยากจะนึกถึงวันนี้ ก็จะดมกลิ่นนี้เพื่อจะได้ย้อนกลับมาในวันนี้ค่ะ !!


กลิ่นที่มีชื่อว่า 'วันที่ฉันได้พบกับคุณ' เป็นกลิ่นที่จะเป็นที่จดจำเสมอจากชื่อนี้ หากวันหนึ่งที่เราคิดถึงวันนี้ ให้เดินตามกลิ่นหอมของกันและกัน และมาเจอกันอีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้นะคะ


วันนี้ฉันสนุกมากค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะคะ ในที่สุดวันนี้เราก็ได้เจอกันสักทีหลังจากไม่ได้เจอกันนานเลย ฉันจะปฏิบัติต่อคุณค่อยเป็นค่อยไปและทะนุถนอมช่วงเวลานี้ไว้ตราบนานเท่านานเลยค่ะ


อย่างที่เป็นมาเสมอ หวังว่าเซซังทุกคนจะพบเจอแต่สิ่งดี ๆ นะคะ ฉันเองก็จะรักคุณและตั้งใจทำงานหนักต่อไปอย่างที่เคยทำเสมอมา


ขอบคุณค่ะ

- 2022.04.23 ไดอารี่ของวันนี้"



เข้าสู่ช่วง Encore เซจองร้องเพลงตามที่เซซังขอให้ร้องสั้น ๆ คือเพลง Teddy Bear, Hopes for tomorrow, The one who speaks about me (เพลงจากละครเวที Red Book), Warning และ Whale โดยในเพลง Whale ท่อนสุดท้าย เซจองเปลี่ยนเนื้อเพลงจาก "เจ้าวาฬที่ฉันเฝ้าคิดถึง" เป็น "เซซังที่ฉันเฝ้าคิดถึง" และบอกลาผู้ชม ถือเป็นการปิดงานแฟนมีตติ้งอย่างสวยงาม


เชื่อว่าเซซังที่ได้ชมงานวันนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในฮอลล์หรือรับชมออนไลน์คงได้รับความประทับใจอย่างเต็มอิ่มตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม หวังว่าในงานครั้งต่อไปจะได้พบเซซังที่รับชมในวันนี้อีก และเชื่อว่าครั้งต่อไปจะต้องมีเซซังใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


จนกว่าจะถึงวันนั้น เซซังมาจับมือเดินไปด้วยกันกับเซจองจนสุดทางเลยนะคะ



*รวม Set Lists เพลงในงานแฟนมีตติ้ง ทั้งหมด 12 เพลง และ Encore ส่งท้ายอีก 5 เพลง 1. Flower way 2. Plant 3. Tunnel 4. Meet Again (ร้องสั้น ๆ) 5. All of my days (ร้องสั้น ๆ) 6. If only (ร้องสั้น ๆ) 7. Love, maybe (ร้องสั้น ๆ) 8. Spring day goes (ต้นฉบับ: Kim Yuna) 9. Maybe I am 10. Whale 11. Skyline 12. Let’s go home ENCORE: Teddy Bear, Hopes for tomorrow, The one who speaks about me, Warning และ Whale

*รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลโดย CLOVERIE IRIS หากผิดพลาด/ตกหล่น ขออภัยมา ณ ที่นี้

*ขอบคุณเนื้อความในจดหมายจากคุณวรพล เซซังไทยที่เซจองเลือกจดหมายไปอ่านบนเวทีด้วยนะคะ

*อ่านข่าวเกี่ยวกับงานแฟนมีตติ้งได้ที่นี่ >> Click


526 views0 comments

Comments


โพสต์: Blog2 Post
bottom of page