top of page
Writer's pictureCLOVERIE IRIS

รวมบทสัมภาษณ์นักแสดงและผู้กำกับ Business Proposal จากนิตยสาร Mokkanhenshu ฉบับที่ 109

Updated: Jun 28, 2022

นักแสดงและผู้กำกับละคร Business Proposal ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารญี่ปุ่น Mokkanhenshu ฉบับที่ 109 เกี่ยวกับช่วงเวลาในกองถ่ายและความสำเร็จของละคร ซึ่งในที่นี้ ขอแปลเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเซจอง

Go to Section

  • PART 1 : บทสัมภาษณ์คิมเซจอง

  • PART 2 : บทสัมภาษณ์คุณอันฮโยซอบ

  • PART 3 : บทสัมภาษณ์ผู้กำกับพัคซอนโฮ

  • PART 4 : บทสัมภาษณ์คุณอีด็อกฮวา

  • PART 5 : บทสัมภาษณ์คุณซอลอินอา

  • PART 6 : บทสัมภาษณ์คุณคิมมินกยู

PART 1 : บทสัมภาษณ์คิมเซจอง


Multi Star ที่แสนร่าเริง เต็มไปด้วยความน่ารัก และขยันขันแข็ง

คิมเซจอง ศิลปิน นักแสดง และพิธีกรที่ทำกิจกรรมหลากหลายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดช่วงระยะเวลา 6 ปีนับตั้งแต่เริ่มทำกิจกรรมในวงการบันเทิง มีหลายช่วงเวลาที่เธอต้องยืนอยู่กลางทางแยกแห่งชีวิต นับตั้งแต่การออดิชั่น การเดบิวต์ ไปสู่การยุบวง


หากจะพูดถึงผลงานในฐานะนักแสดง เธอได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลปลายปีจากละครเรื่องแรกที่เธอแสดงเต็มตัว School 2017 หลังจากนั้นเธอก็มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดและต่อเนื่อง จนกระทั่งทำให้แฟน ๆ ตกหลุมรักเธอในฐานะ 'ชินฮารี' ในละคร Business Proposal


ราวกับการฉายภาพความเป็นเซจองออกมา ฮารีเป็นพนักงานที่ทำงานหนักและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เธอสามารถเปลี่ยนความทุกข์ยากให้เป็นโอกาสได้เสมอ ความสดใสของเธอทำให้ผู้คนอยากจะเอาใจช่วยเธออยู่เสมอ เราขอให้รอยยิ้มของเซจองได้เบ่งบานบนเส้นทางดอกไม้ต่อไปในอนาคตเช่นกัน


เซจองไม่ได้รู้สึกว่าฮารีกับตัวเธอเองคล้ายคลึงกันมากนัก แต่สุดท้ายก็สรุปว่ามีจุดที่เหมือนกันกว่า 90% รู้ถึงกระแสความนิยมของละครในต่างประเทศไหม

"ฉันไม่มีโอกาสได้เจอกับแฟน ๆ เพราะโควิด-19 ระบาดหนักในช่วงนั้น ก็เลยไม่ได้รู้สึกถึงมันมากเท่าที่ควรจะเป็น แต่ฉันประหลาดใจมากที่ยอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมของฉันเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และเป็นแฟนต่างชาติเป็นส่วนมากด้วยค่ะ ความจริงก็ไม่ได้คิดว่าผลลัพธ์จะแสดงให้เราเห็นเร็วขนาดนี้ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะพยายามอย่างหนัก ในบางครั้งผลลัพธ์ก็ไม่ออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้ ฉันมีความสุขที่ละครได้รับกระแสตอบรับเชิงบวกอย่างรวดเร็วขนาดนี้ และจะถือว่านี่เป็นการส่งพลังใจให้ฉัน และทำให้ฉันเตรียมตัวกับผลงานชิ้นถัดไปอย่างมีความสุขค่ะ"


ละครเรื่องนี้เรตติ้งดีมาก คุณคาดหวังเรตติ้งไว้หรือเปล่า


"คิดแค่ว่าน่าจะเป็นกระแส แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำเรตติ้งได้สูงขนาดนี้ค่ะ ละครเรื่องนี้มีจุดที่เรียกว่า "การพัฒนาของเรื่องราวค่อนข้างคงที่" (ไม่ได้มีพัฒนาการของเรื่องที่แปลกใหม่, น่าตื่นเต้น, ชวนติดตาม) ฉันหวังเพียงว่า หากเราทำงานอย่างดี คงจะได้รับกระแสตอบรับในทางที่ดีค่ะ ละครเรื่องนี้ออกอากาศในระหว่างที่ยังถ่ายทำอยู่ และผู้ชมก็ชื่นชอบกัน ฉันจึงมีความสุขขณะถ่ายทำซีนที่ (ฮารี) ต้องแสดงว่ามีความสุขมากกว่าที่บทละครเขียนไว้อีกค่ะ ขอบคุณผู้ชมที่สนับสนุนพวกเราอย่างดีจนกระทั่งถึงตอนจบด้วยนะคะ"


อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจรับเล่นละครเรื่องนี้


"เหตุผลแรกที่เรียบง่ายที่สุดคงจะเป็นตอนที่ได้อ่านบทละครแล้วรู้สึกว่ามันดึงดูดค่ะ ตอนนั้นคงจะเป็นช่วงที่ฉันอยากท้าทายตัวเองในบทบาทใหม่ ๆ ทั้งในฐานะนักร้องและนักแสดง และคิดว่าละครโรแมนติกคอมเมดี้คงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดค่ะ ฉันคิดว่าคงจะแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าละครเรื่องอื่น เพราะมีคาร์แรคเตอร์ 'ชินคึมฮี' ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นนักร้องไอดอลคิมเซจองอยู่ค่ะ"


ความประทับใจแรกของการอ่านบทละครที่ว่านั้นอยู่ตรงไหน


"หลังจากได้รับบทละครมาก็อ่านบทรวดเดียวถึงตอนที่ 4 เลยค่ะ ดูเหมือนจะมีส่วนจั๊กจี้ชวนให้เขินอายอยู่ แต่ถึงแม้ว่าเรื่องจะเป็นไปในโทนนั้น สถานการณ์ที่ตัวละครต้องเผชิญกลับน่าสนใจค่ะ แม้จะยังไม่ได้อ่านบทครึ่งหลัง แต่ฉันมั่นใจว่าเนื้อเรื่องที่เหลือจนถึงตอนจบจะต้องสนุกแน่นอนด้วยตัวบทละครและบุคลิกของตัวละครค่ะ" ในการแสดงเป็นชินฮารี คุณให้ความสำคัญกับจุดใด "ฉันคิดว่าช่วงการไปดูตัวในฐานะตัวแทน (จินยองซอ) และช่วงเวลาที่ฉันตกหลุมรักคังแทมูอาจเป็นเรื่องยากที่ผู้ชมจะเข้าใจหากฉันไม่เก็บรายละเอียดในการแสดงให้ดี แม้ว่าบทละครจะกำหนดมาแล้ว แต่ในขณะที่แสดงฉันจะจินตนาการว่าหากตัวเองอยู่ในสถานการณ์นี้จะทำอย่างไร (ให้ดูสมจริงและเป็นธรรมชาติที่สุด)

การแสดงในฐานะนางเอกที่ต้องเป็นคนนำในหลาย ๆ ซีน คุณรู้สึกกดดันบ้างไหม?


"นี่เป็นครั้งแรกของฉันในการรับบทในละครโรแมนติกคอมเมดี้ แน่นอนว่ารู้สึกกดดันค่ะ แต่ฉันคิดว่าความกดดันนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ฉันอยากทำงานให้หนักขึ้นค่ะ อาจมีบางกรณีที่แม้ว่าคุณจะทำงานหนักก็อาจเป็นเพียงหนึ่งในการทดลองเท่านั้น ซึ่งหมายถึงว่าผลลัพธ์อาจจะออกมาไม่ดีอย่างที่หวัง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร สิ่งที่ฉันใส่ใจคือ ฉันได้พยายามไปมากแค่ไหน ฉันได้เรียนรู้อะไรบ้าง ฉันได้รับอะไรจากการลงมือทำ และฉันสามารถเติบโตขึ้นได้มากแค่ไหนจากการทำงานในครั้งนี้ค่ะ"


มีซีนไหนที่คิมเซจองปรากฏออกมาบ้าง


"มีช่วงที่ฮารีกลายเป็นเซจองอยู่ค่ะ (หัวเราะ) ฉันคิดว่าซีนที่ฮารีทำแอกโย่ (ทำท่าน่ารัก ๆ) คือตัวฉันเองค่ะ ซีนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นการแอดลิบนะคะ ฉันคิดว่าฉันสามารถแสดงฮารีที่ดูน่ารักได้เพราะการที่ผู้กำกับและนักแสดงคนอื่นช่วยกันคิดและแสดงความคิดเห็นค่ะ"

เหมือนที่คุณเซจองพูดไว้ก่อนหน้านี้ ละครมีส่วนที่พัฒนาการของเรื่องแบบคงที่และมีความคลิเช่ คุณรู้สึกเขินบ้างไหมเวลาที่แสดง


"มันก็คลิเช่นะคะ แต่ฉันเชื่อว่าทุกคนก็คงจะทำแบบนั้นเช่นกันหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ฉันสามารถแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่เขินอาย เพราะฉันทำให้ตัวเองเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงค่ะ"

คุณได้ฉายา "เอ็มม่า สโตนแห่งเกาหลี" จากปลอมตัวเพื่อไปดูตัวแทนเพื่อนในฐานะคึมฮี และแสดงพฤติกรรมหลายอย่างซ้ำไปมาเพื่อให้คังแทมูไม่ชอบคุณ


"ฉันมีความสุขมากค่ะ เป้าหมายของฉันตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็กฝึกคือการเป็นคนที่มี "พันหน้า" (สามารถเป็นใครก็ได้อย่างสมจริง) อันที่จริง ฉันเคยคิดว่าตัวเองดูเหมือนเอ็มม่า สโตนด้วยค่ะ ฉันดีใจมากที่ได้ยินฉายานี้จากผู้ชมและแฟนๆ และกำลังคิดหนักเกี่ยวกับเตรียม "ใบหน้า (การสวมบทบาท) ใหม่ ๆ" เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นต่อไปค่ะ"

ในละครใช้เทคนิค CG เยอะเลย คุณชอบภาพที่ออกมาหรือเปล่า


"อันที่จริงมีหลายสิ่งที่ฉันกังวลในตอนแรกค่ะ เช่น “คงต้องมีความแตกต่างและข้อจำกัดแน่นอนเมื่อนำเว็บตูนต้นฉบับมาดัดแปลงเป็นละคร แล้วจะผ่านมันไปได้อย่างไรกันนะ” แต่เพราะการเพิ่ม CG ให้มีความเป็นการ์ตูนในละคร ทำให้การชมละครเป็นไปอย่างสนุกสนานกว่าที่คิดไว้ “ซีนนี้ตัดต่อแบบนี้เองสินะ” “อ๋อ นี่คือสิ่งที่ผู้กำกับบอกนี่เอง!” ฉันรู้สึกแบบนี้ขณะที่ดูละครอย่างสนุกสนานค่ะ"


การร่วมงานกับเพื่อนนักแสดงเป็นอย่างไร


"เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าค่ะ ฉันคิดว่ามันมหัศจรรย์มากที่ได้มีเพื่อนรุ่นเดียวกันในวงการบันเทิง และเป็นเพื่อนที่มีนิสัยเข้ากันได้ดีด้วย (กองถ่าย) Business Proposal เป็นสถานที่แห่งความสุขที่ทำให้ฉันได้เจอเพื่อน (คุณซอลอินอา) และโอปป้า (คุณอันฮโยซอบและคุณคิมมินกยู) ที่อายุใกล้เคียงกับฉันค่ะ"


การร่วมงานกับอันฮโยซอบเป็นอย่างไรบ้าง


"ฉันเรียก (คุณฮโยซอบ) ว่าโอปป้าค่ะ ตอนนั้นใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสนิทกัน แต่คงเป็นเพราะเราใส่ใจและนึกถึงกันและกัน ทั้งฉันและโอปป้าต่างก็รอบคอบ/ระมัดระวังเหมือนกัน ปกติฉันไม่ได้ขี้อาย แต่ครั้งนี้ฉันรอให้ความประหม่าระหว่างกันค่อย ๆ หายไปแทนที่จะพาตัวเองเข้าหา โชคดีที่โอปป้าเขาเป็นฝ่ายยื่นมือมาหาฉันก่อนค่ะ ฉันก็เลยพยายามที่จะสนิทกันอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเป็นธรรมชาติ คุณฮโยซอบเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีและเอาใจใส่ เขาเป็นนักแสดงที่ตั้งใจทำงานมาก และเพราะว่าทีมเวิร์กของเราดีมาก เราก็เลยแอดลิบกันได้เยอะมากเลยค่ะ"


Bed Scene กับอันฮโยซอบเป็นอย่างไร


"ตอนแรกฉันไม่กล้าดูเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าเขินมาก แต่ตอนที่ถ่ายทำก็ได้รับความช่วยเหลือจากหลาย ๆ ฝ่าย (ในกองถ่าย) จนสามารถแสดงบทนั้นออกมาได้ ผู้กำกับพยายามเลี่ยงการถ่ายทำหลายเทคและเลี่ยงการแสดงบางจุดที่ดูจะมากเกินไป ซีนนี้เป็นซีนสรุปเมื่ออุปสรรคต่าง ๆ ของแทมูและฮารีคลี่คลายแล้ว เราตัดสินใจว่าจะแสดงความรักให้ออกมาสวยงามมากกว่าการถ่ายทอดความปรารถนาที่ร้อนแรง (เสื้อผ้าในซันนั้น) ฉันไม่ได้เปิดเผยเนื้อหนังเลยค่ะ แต่คุณฮโยซอบต้องเตรียมฟิตหุ่นให้ดีด้วย (หัวเราะ)"

การร่วมงานกับคุณอีด็อกฮวาล่ะเป็นอย่างไร


"เขาเป็นรุ่นพี่ที่เจ๋งจริง ๆ ค่ะ ฉันคิดว่าทุกคนในกองถ่ายคงจะคิดเหมือนกัน เมื่อแก่ตัวลง ฉันอยากเป็นเหมือนเขาค่ะ อาจจะฟังดูเรื่องแปลกที่จะพูดแบบนี้ เพราะว่าฉันยังเด็ก แต่มีบางครั้งที่ฉันรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงหดหายไป แต่ (คุณอีด็อกฮวา) มีแพชชั่นในการแสดงอยู่เสมอ และเขาตอบคำถามที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจค่ะ คำถามคือ "เราจะสามารถทำการแสดงด้วยแพชชั่นต่อไปได้แม้จะแก่ตัวลงได้หรือไม่" เขาตอบว่า "ได้สิ"

เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อย ๆ ฮารีก็เข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน แล้วคุณได้รับการปลอบโยนระหว่างที่แสดงเป็นฮารีหรือเปล่า


"ซีนที่โรงพยาบาลที่ฮารีได้ฟังเรื่องราวที่เป็นปมในใจของแทมู ฮารีปลอบเขาว่า "คุณพ่อคุณแม่อยากให้คุณมีความสุขมากกว่าสิ่งใดเลยนะคะ" ซีนนั้นฉันก็ได้รับการปลอบโยนจากคำพูดของฮารีไปด้วยค่ะ เมื่อฉันเลือกทำอาชีพนี้ ครอบครัวฉันต้องเสียสละอะไรหลายอย่างไป และมีหลายครั้งที่ฉันทำร้ายทั้งคนในครอบครัวและคนรอบข้างโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันจึงกังวลอยู่บ่อย ๆ ว่า "ถ้าหากมีคนต้องเจ็บปวดเพราะฉันโดยที่ฉันไม่รู้ตัวล่ะ ฉันได้ใส่ใจคนอื่นบ้างหรือเปล่า" คำพูดของฮารีก่อนหน้านั้นเหมือนจะบอกว่า "หากคนอื่นนั้นรักคุณ เขาก็จะเข้าใจคุณทุกสิ่งในทุกช่วงเวลานะคะ" ฉันรู้สึกเหมือนได้ฟังคำที่ช่วยเพิ่มพลังใจขณะที่แสดงเป็นฮารีไปด้วยค่ะ"

ผลตอบรับจากละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร


"หลังจาก Business Proposal เป็นกระแสโด่งดัง ผลงานเก่า ๆ ของฉันก็กลับาได้รับความสนใจอีกครั้ง เช่น การร้องเพลงในรายการ King of Masked Singer หรือการแสดงในละคร The Uncanny Counter ที่ถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบกัน การที่ผลงานที่ผ่านมาได้รับโอกาสในการเป็นที่พูดถึงอีกครั้งแบบนี้ ในอนาคตเมื่อฉันมองย้อนกลับมา ช่วงเวลานี้ก็คงเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ฉันเคยได้ทำเช่นกัน ฉันจึงคิดว่าตัวเองควรตั้งใจทำงานด้วยหัวใจที่มีความสุขในทุก ๆ งาน (เพื่อให้อนาคตมองย้อนกลับมาแล้วมีแต่ความสุข)"


วางแผนในอนาคตไว้อย่างไร


"ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความอดทนนัก และอยากจะทำงานไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีวันหยุด ตราบใดที่ยังมีพละกำลังอยู่ ฉันก็คงจะไม่รีรอที่จะกลับมาเป็นนักร้องและปล่อยผลงานเพลงที่ฉันแต่งเอง ฉันอยากกลับมาพร้อมผลงานใหม่ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีให้ทุกคนได้เห็นกันในเร็ว ๆ นี้ค่ะ"

 

PART 2 : บทสัมภาษณ์คุณอันฮโยซอบ


การได้ร่วมงานกับคิมเซจองเป็นอย่างไรบ้าง


"ดีมากครับ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในพาร์ตเนอร์ที่ดีที่สุดที่ผมได้ร่วมงานด้วยเลยก็ว่าได้ เวลาแสดงละครกับคนที่อายุใกล้เคียงกัน เราจะมีพลังงานที่แตกต่างออกไป หลังจากผมแสดงเรื่อง Still 17 ก็ไม่ได้ร่วมงานกับนักแสดงที่อายุใกล้เคียงกันมานานแล้ว บรรยากาศตอนถ่ายทำที่ได้เล่นสนุกกันกว่าครึ่งหนึ่งจึงสนุกมาก"


คุณเซจองพลังงานล้นเหลือมาก จริงไหม


"ไม่ใช่แค่คุณเซจองนะครับ แต่คุณซอลอินอาที่แสดงบทจินยองซอก็ด้วย ตอนแรกผมคิดว่าคงยากที่จะร่วมงานกับคนที่มีบุคลิกต่างกันอย่างสนิทสนม แต่ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ผมอาจจะแสดงออกไม่ได้เท่ากับทั้งสองคน (เซจองและอินอา) แต่แค่ได้อยู่ข้าง ๆ ก็เหมือนได้พลังงานมาแล้วล่ะครับ บางครั้งเวลาเซจองเริ่มร้องเพลง ผมก็ (แกล้ง) บอกว่า "หยุดเถอะนะ!" (หัวเราะ) ผมจะมีปฏิกิริยาตอบกลับไปแบบนั้นครับ"


เป็นเพราะคุณเซจอง คุณฮโยซอบก็เลยได้ปรากฏตัวในคลิปเบื้องหลังการถ่ายทำบ่อย ๆ


"เวลากล้องที่ถ่ายเบื้องหลังมาทีไร ผมรู้สึกอยากให้เขาหยุดถ่ายทุกที เพราะผมไม่ถนัดเอาเสียเลยครับ (หัวเราะ) ถ้าไม่มีคุณเซจอง แอร์ไทม์ในคลิปเบื้องหลังของผมคงหายไปครึ่งหนึ่งเลย ก็อย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน คนที่ออกมาในคลิปเบื้องหลังบ่อยที่สุดก็คือคุณเซจองกับคุณอินอาครับ"


บรรยากาศในกองถ่ายดูดีมาก ใครเป็นคนสร้างบรรยากาศในกอง


"คุณเซจองกับคุณอินอาเป็นคนสร้างบรรยากาศในกองครับ ผมว่าผมเป็นคนที่เล่นกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเยอะที่สุด แต่มินกยูฮยองก็พูดเยอะเหมือนกันครับ! เวลาผมอยู่กับฮยองจะคุยกันไม่หยุดเลย เช่น คุยเรื่องชาฟักทองลดอาการบวม หรือคุยเรื่องการออกกำลังกาย การคุยกันไม่ใช่แค่คุยฆ่าเวลา แต่มันช่วยลดความกังวลในการถ่ายทำได้ด้วย เหมือนกับที่ผมคุยกับอาจารย์อีด็อกฮวาที่แสดงเป็นคุณปู่ของผม เพราะทุกคนเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ผมจึงถ่ายทำได้อย่างสนุกสนานครับ"


คุณเซจองบอกว่าคำแนะนำของคุณฮโยซอบนั้นมอบพลังให้กับเธอด้วย


"ดูเผิน ๆ คุณเซจองดูเป็นคนที่สดใส แต่ความจริงเธอซ่อนความกังวลไว้เยอะเลยครับ เธอไม่ได้แสดงออกมาให้คนอื่นเห็น แต่ว่าผมจับความรู้สึกของคนอื่นเก่ง คงเป็นเพราะเธอต้องแสดงละครไปพร้อมกับการแบกรับฉายา "ก๊อด" (God Sejeong) ผมคิดว่าเธอคงลำบากไม่น้อยและกังวลอยู่บ่อย ๆ ผมมักจะบอกเธอว่า "ถึงจะกังวลในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอกนะ เริ่มโฟกัสจากสิ่งที่เป็นปัจจุบันเถอะ ถ้าเธอมีความสุขกับช่วงเวลา ณ ขณะนี้ ความวิตกกังวลก็จะหายไปก่อนที่เธอจะรู้ตัวเสียอีกนะ" เราคุยเรื่องนี้ด้วยกันเยอะมาก พวกเราจึงเข้าใจกันและกันและช่วยให้เราทำงานร่วมกันได้อย่างดีครับ"


ปกติเป็นคนมองโลกในแง่ดีไหม


"ไม่ได้เป็นตลอดนะครับ ผมเคยเป็นคนที่มีเรื่องกังวลเยอะมากก่อนที่จะมาเล่น Dr.Romantic 2 ผมคิดว่าผมค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเอง แล้วก็รู้สึกว่าจิตใจสงบขึ้น ผมคิดว่าตัวเองจับความกังวลของเซจองได้เร็วเพราะผมเคยเป็นคนที่มีเรื่องกังวลเยอะเหมือนกัน"


ผู้กำกับบอกในคลิปเบื้องหลังการถ่ายทำว่า "พวกเขา (คุณฮโยซอบกับเซจอง) น่ารัก เพราะเป็นเด็ก ๆ (ลูก) ของผม" ด้วย


"(หัวเราะ) ใช่ครับ เพราะเขาเห็นเราซ้อมแอดลิบที่ออกทะเลไปไกลครับ ผมกับคุณเซจองจะลองแสดงหลาย ๆ แบบด้วยกันระหว่างซ้อมบทและเราก็จะเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย ผู้กำกับก็ช่วยเก็บส่วนที่ (แอดลิบ) มากเกินไปส่วนอันที่คิดว่าดีก็จะสนับสนุนให้เราเล่นเต็มที่ เขาเป็นคนที่ช่วยปรับสมดุลให้ถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น"


ดูเหมือนว่าในกองถ่ายจะเล่นกันสนุกกว่าที่คิดอีกนะ


"ได้ยินมาเหมือนกันครับ (หัวเราะ) คุณเซจองบอกว่านิสัยผมเหมือนเด็กประถม ทีมงานในกองถ่ายก็เรียกเรา 2 คนว่าคู่รักเด็กประถม เพราะงั้นผมก็ไม่ใช่เด็กประถมคนเดียวแล้วสิครับ"


บทพูดของตัวละครในตอนสุดท้ายก็เป็นการแอดลิบเหรอ


"(ซีนนั้น) เราไม่ได้ซ้อมกันมาก่อนเลยและถ่ายกันสด ๆ เดี๋ยวนั้นเลยครับ จริง ๆ ก็อยากถ่ายใหม่ให้ดีกว่านี้ แต่วันนั้นผมรู้สึกไม่ค่อยดี (ไม่ค่อยสบาย) ก็เสียดายนิดหน่อย แต่ (ซีนที่ออกอากาศไป) ก็สนุกในแบบของมันไม่ใช่เหรอครับ ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าคุณเซจองกับคุณอินอาเป็นคนสร้างบรรยากาศในกอง แต่ผมว่าตัวเองก็ช่วยสร้างบรรยากาศในกองด้วยเหมือนกัน"


ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยบทพูดหวาน ๆ ตอนที่แสดงรู้สึกอย่างไรคะ


"บอกตามตรงว่ายากครับ อย่างตอนที่ 4 ที่ต้องพูดว่า "สวยจัง" แล้วมองดอกไม้ไฟสลับกับชินคึมฮี มันไม่ใช่บทพูดที่ยาก แต่ก็อธิบายยากเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกว่ามันพูดยากจัง เพราะตอนนั้นเป็นการถ่ายทำครั้งที่ 2 เองด้วยมั้งครับ ก็เลยยังไม่ซึมซับความเป็นแทมูเท่าไร คุณเซจองที่ต้องฟังคำชมนั้นแล้วใจเต้น แต่เป็นผมที่หัวใจเต้นแรงมากเพราะตื่นเต้นครับ เป็นครั้งแรกเลยที่ใจเต้นแรงถึงขนาดเจ็บหัวใจเลย"


การถ่ายทำครั้งแรกเป็นอย่างไร


"เหมือนเป็นการแสดงเดี่ยวของคุณเซจองครับ แต่ก็เป็นซีนสำคัญเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่อง หากว่าการไปดูตัวครั้งนี้น่าเบื่อ ผมก็คงไม่สานสัมพันธ์ต่อ ตอนที่ถ่ายทำ ผมได้แต่แสดงแบบรีแอคตอบในสิ่งที่เซจองเล่นส่งมา แต่ก็เข้าใจได้ชัดเจนถึงคาร์แรคเตอร์ฮารีในความคิดของเซจองในขณะนั้น ลองคิดดูแล้ว เหมือนจะมีแค่ฉากเดียวที่ผมหลุดหัวเราะออกมาจริง ๆ คือซีนที่แทมูไปทำงานที่นิวยอร์คเพื่อจะได้ลืมฮารี (ที่มารบกวนจิตใจ) แต่แทมูก็คิดถึงฮารีตลอด ฮารีก็เลยโผล่มาที่นั่นที่นี่เต็มไปหมด เซจองแสดงดีมากจนผมประหลาดใจและหัวเราะออกมาเยอะมากครับ"


ซีนที่อยู่กับฮารี มีอะไรที่คุณจดจำได้บ้าง


"มีเยอะเลยครับ อย่างซีนที่สนามเด็กเล่นที่ฮารีเมาแล้วโทรหาแทมู จู่ ๆ สายก็ตัดไป แทมูตกใจมากก็เลยออกไปตามหาฮารี จริง ๆ อธิบายยากครับว่าแทมูเริ่มชอบฮารีตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สายตาแข็งกร้าวของแทมูเวลาที่พยายามจะดุเธอ เพราะเธอหลอกลวงเขา สายตานั้นมันเปลี่ยนไปในซีนนั้นครับ เป็นซีนที่แทมูคนที่ดูน่ากลัวกลายเป็นคนใจดีขึ้นมาก็เลยเป็นซีนที่น่าจดจำครับ"


ผู้ชมถกเถียงกันว่าแทมูชอบฮารีตั้งแต่เมื่อไหร่


"ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันก็ค่อย ๆ เริ่มชอบเธอขึ้นมาครับ ผมไม่คิดว่าคุณจะตกหลุมรักใครบางคนในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงนะครับ แน่นอนว่าอาจจะมีความรู้สึกแบบรักแรกพบอยู่ แต่ผมคิดว่าเป็นความรักที่ค่อย ๆ ใช้เวลา (พัฒนาความรู้สึก) ก็เลยบอกไม่ได้ชัดเจนครับว่าตกหลุมรัก (ฮารี) ในช่วงเวลาหรือเหตุการณ์ไหนกันแน่"


จะข้ามเรื่อง Bed Scene ไปไม่ได้เลย ตอนถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง


"ไม่ได้มีการกำหนดตำแหน่งหรือท่าทางไว้ชัดเจนครับ ตอนซ้อมผู้กำกับบอกว่า "เราแสดงความรู้สึกในเชิงการ์ตูนตาหวาน (ความรักแบบฟุ้ง ๆ เพ้อฝัน) ไปเยอะแล้ว จากนี้มาแสดงความรู้สึกรักออกมาจากใจจริงของกันและกันดีไหม" ดังนั้น จึงมีการเพิ่มการจูบที่ลึกซึ้งขึ้นเข้าไปในซีนนั้น ส่วนนอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ แค่ตั้งใจแสดงความรู้สึกออกมาจากใจ ทั้งผมและคุณเซจองดึงความรู้สึกของแทมูกับฮารีออกมา ณ การถ่ายทำตอนนั้นทั้งหมดเลยครับ"


ช่วยพูดถึงการร้องเพลงดูเอ็ตกับคุณเซจองหลังจากที่ทำเรตติ้งได้ (เกิน 10%) ตามสัญญาหน่อย


"ผมไม่คาดคิดว่าละครจะได้รับความรักมากมายขนาดนี้ ก่อนจะเริ่มออกอากาศ คุณเซจองบอกไว้ว่าเราน่าจะทำเรตติ้งได้สัก 5% แต่สุดท้ายก็ทะลุ 10% ในตอนที่ 6 ครับ และเพื่อที่จะแสดงความขอบคุณต่อผู้ชม ผมกับคุณเซจองจึงมาร้องเพลง Love, Maybe ของวง Melomance ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครของเราด้วยกันครับ แต่วันนั้นคอผมไม่ค่อยดีเท่าไร ก็อาศัยว่าพึ่งพาคุณเซจองที่ร้องเพลงได้ดีแทนครับ (หัวเราะ)"


 

PART 3 : บทสัมภาษณ์ผู้กำกับพัคซอนโฮ


รู้สึกอย่างไรกับคุณคิมเซจองที่มารับบทเป็น 'ชินฮารี'


"ผมรอคอยที่จะได้เห็นเซจองแสดงเป็นชินฮารีอยู่แล้วครับ แต่ผลที่ออกมาทำให้ผมพอใจมาก ตอนถ่ายทำซีนที่ไปดูตัว (ในตอนที่ 1) ผมถึงขนาดบอกกับผู้กำกับภาพว่า "เซจองน่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลย" เซจองเป็นคนที่ไหวพริบดีมาก เธอเป็นนักแสดงที่มีเซนส์และรู้ว่าควรแสดงอย่างไรให้ละครออกมาสนุก"


สไตลิ่ง (Styling) ของชินฮารี


"เป็นส่วนที่ยากที่สุดของการผลิตละครเรื่องนี้ครับ แทมูต้องจำฮารีไม่ได้ตอนที่เธอปลอมเป็นคึมฮี ในตอนแรกเราพยายามทำตามเว็บตูนต้นฉบับ คือให้ฮารีสวมวิกสีชมพู ซึ่งลุคที่ออกมาก็ดูแตกต่างจากคนเดิมจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะสวมชุดอะไรก็ดูไม่เข้ากันไปหมด อาจเป็นเพราะสีผมของเธอโดดชัดเกินไปจนไม่สามารถหาจุดสมดุลกับสิ่งอื่นได้เลย แม้ว่าฮารีและคึมฮีควรจะมีลุคที่ดูแตกต่างเหมือนเป็นคนละคน แต่จากมุมมองของเซจอง คงยากที่จะทำให้ (ลุคสวมวิกสีชมพู) ออกมาเป็นรูปธรรมได้ จุดเด่นของการปลอมตัวอยู่ที่การแต่งหน้าจัดใช่ไหมล่ะครับ สุดท้ายแล้วผมจึงตัดสินใจว่าจะให้ลุคของคึมฮีเน้นที่การสวมเสื้อผ้าที่ดูแปลกตาและทำสีผมแค่นิดเดียว (ไฮไลต์) เท่านั้นครับ"


มีซีนไหนที่รู้สึกว่า "นี่มันเจ๋งมากเลย" ไหม


"ซีนในโรงภาพยนตร์ที่ (แทมูและฮารี) เจอเพื่อนร่วมงานโดยบังเอิญ แล้วก็รีบไปหลบจนมีจังหวะฟาดหน้ากันอย่างที่เห็นในละคร ตอนที่ซ้อมกันมีแค่ฮารีเอาตัวไปบังแทมู แล้วโบกมือให้เขาไปหลบ ผมก็สงสัยว่าพวกเขา (อันฮโยซอบและคิมเซจอง) ไปคุยกันอย่างไรตอนที่ถ่ายทำ แต่กลายเป็นว่าฮารีตบหน้าแทมูแบบไม่ปรานีเลย แทมูกุมแก้มตัวเองเอาไว้ด้วยสีหน้าสับสนสุด ๆ แล้วก็ไปแอบด้านหลัง ตรงนั้นตลกมากเหมือนอ่านการ์ตูนอยู่เลย แต่มันก็น่ารักมาก ๆ ครับ แม้แต่ชายหนุ่มสุดเท่ก็กลายเป็นคนบ๊อง ๆ ได้เมื่อเขามีความรักใช่ไหมล่ะครับ เป็นสิ่งที่ผมเห็นแล้วรู้สึกชอบมาก ตอนนั้นผมคิดเลยว่า "เด็กสองคนนี้เซ้นส์ดีมากแล้วก็เก่งกันมาก ๆ" นอกจากซีนนี้ก็มีอีกหลายซีนที่แอดลิบขึ้นมากันเองด้วย"


แอดลิบที่ว่า เช่นอะไรบ้างเหรอ


"ประโยคที่ฮารีคิดในใจในซีนที่เจอแทมูครั้งแรก "อะไรเนี่ย ทำไมหล่อเบอร์นี้ล่ะ... ฮอตไม่ไหว" หรือตอนที่ยองซอเจอซองฮุนแล้วตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น "แม่เจ้า! เขาหล่อสุดอะไรสุดเลยอะ!" ประโยคพวกนี้คือการแอดลิบครับ ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าใช้คำพูดแบบที่เด็ก ๆ สมัยนี้เขาพูดกันก็คงจะดีกว่า ก็เลยมอบหมายให้นักแสดงไปคิดบทพูดมาเป็นการบ้าน แล้วพวกเขาก็คดออกมาได้ดีมาก ๆ ครับ"


เหมือนกับแทมู บทบาทฮารีก็แสดงยากเหมือนกันใช่ไหม


"มีหลายซีนที่ฮารีต้องเป็นตัวนำหลัก ผมคิดว่าเซจองเองก็คงกังวลไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น เซจองก็ไม่ได้แสดงท่าทางของความลำบากออกมาเลย และเธอก็ตั้งใจทำงานหนักมาก ๆ ความจริงแล้ว เซจองใส่ใจเพื่อนร่วมงานและทีมงานมาก เธอเป็นคนที่คอยให้กำลังใจทุก ๆ คนเสมอ สิ่งที่น่าสนใจคือเวลาที่มีจุดที่มีปัญหาในการถ่ายทำ แล้วทีมงานกำกับไปรวมตัวเพื่อปรึกษากัน เซจองจะไปยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ด้วยตลอดเลยครับ และอย่างซีนที่ถ่ายทำบนเรือยอร์ช เวลาทีมงานมองหาอุปกรณ์ประกอบฉาก เซจองก็จะช่วยหาด้วยอีกแรงครับ เธอเป็นคนที่จิตใจดีมาก ๆ เลย"

 

PART 4 : บทสัมภาษณ์คุณอีด็อกฮวา


ซีนที่คุณคุยอวดเรื่องฝีมือการตกปลาเป็นไอเดียของคุณจริงไหม


"คนเขียนบทใส่เรื่องราวของผมลงไปในบทละครด้วย ผมเองก็แอดลิบหน้าซีนเหมือนกัน แต่ว่ารูป (ตอนตกปลา) ที่เห็นเป็นรูปที่ผมไปตกปลามาจริง ๆ ไม่ใช่รูปตัดต่อ ตอนที่เซจองตกใจนั้นจึงไม่ใช่การแสดง แต่เธอตกใจจริง ๆ ครับ (หัวเราะ)"


ความประทับใจที่มีต่อคิมเซจอง


"นักแสดงคิมเซจองเป็นคนที่สดใสมาก และเพราะความสดใสของเธอทำให้บรรยากาศในกองเป็นไปอย่างมีความสุขครับ"

 

PART 5 : บทสัมภาษณ์คุณซอลอินอา


การถ่ายทำกับคุณคิมเซจองที่รับบทเป็นเพื่อนสนิทของฮารีในละครเป็นยังไงบ้าง ปกติรู้จักกันอยู่แล้วเหรอ "เราเคยแสดงละคร School 2017 ด้วยกันค่ะ ตอนนั้นแทบจะไม่มีฉากที่แสดงด้วยกันเลย เพิ่งมาสนิทกันมากขึ้นจากละครเรื่องนี้เลยค่ะ เราอายุเท่ากันและนิสัยของคุณเซจองดีมาก เราจึงสนิทกันได้เร็ว ถึงขนาดที่คิดว่าจะสนิทกันได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ พอเห็นคุณเซจองที่ยิ้มสดใสเสมอแม้จะมีตารางงานที่ยุ่งมาก ก็เหมือนได้ตกตะกอนความคิดตัวเองด้วย รู้สึกว่ามีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากเธอเยอะมากเลยค่ะ เซจองเป็นเพื่อนที่ฉันชอบมากค่ะ"


รู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่ดี (ของชินฮารีและจินยองซอ) ในละครด้วย "ถ้าถามว่าพวกเราใจตรงกันแค่ไหน และรู้จักกันดีแค่ไหนล่ะก็ คือในบทละครระบุคาแรคเตอร์ไว้อย่างละเอียดเลยค่ะ ถึงแม้รสนิยมของฮารีกับยองซอจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะภาพยนตร์ที่ชอบ อาหาร และสเปคผู้ชายล้วนต่างกันหมด แต่ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ดีมาก โดยเฉพาะซีนร้องคาราโอเกะ ดูเข้ากันดีมากใช่ไหมล่ะคะ และทั้งฮารีและยองซอต่างก็รู้ปูมหลังของกันและกันเป็นอย่างดี อย่างซีนในสวนสาธารณะที่เราปรึกษาเรื่องราวให้อีกคนฟัง และหยอกกันก็สื่อออกมาได้ดีค่ะ"


ได้ยินว่าไปตั้งแคมป์กับคุณเซจองมาด้วย


"ฉันชอบไปตั้งแคมป์มากค่ะ หลังจากละครจบก็เลยไปกับเซจองมา สนุกมากเลยค่ะ ฉันเริ่ม (ไปตั้งแคมป์เป็น) งานอดิเรกตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว และรู้สึกชอบมากเลยค่ะ!"

 

PART 6 : บทสัมภาษณ์คุณคิมมินกยู


นักแสดงนำทั้งสี่คนสนิทกันได้อย่างไร


"เพราะว่าโควิด-19 ระบาด เราก็เลยไม่ได้นัดเจอกันแบบส่วนตัว แต่เราได้ไปดูละครเวทีที่คุณคิมเซจองที่รับบทฮารีแสดงครับ พวกเรา (ทั้งสี่คน) พูดคุยกันเยอะมากในกองถ่ายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมคิดว่าพวกเราสนิทกันเพราะแบบนี้แหละครับ"

 

แปลบทสัมภาษณ์เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเซจองจากภาษาเกาหลี โดย CLOVERIE IRIS


ที่มา

  • สัมภาษณ์เซจอง | 1 , 2

  • สัมภาษณ์คุณอันฮโยซอบ | 1 , 2 , 3

  • สัมภาษณ์ผู้กำกับ | 1 , 2

  • สัมภาษณ์คุณอีด็อกฮวา | 1

  • สัมภาษณ์คุณซอลอินอา | 1

  • สัมภาษณ์คุณคิมมินกยู | 1


1,039 views2 comments

2 Comments


Parannatorn M.
Parannatorn M.
Jun 21, 2022

ว้าววววว แอดมินสุดยอดไปเลยค่าาา👍👏💜

Like

PoP Prapatsorn
PoP Prapatsorn
Jun 20, 2022

แอดมินทำงานหนักมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่แปลบทความดีให้อ่านกันนะคะ😍

Like
โพสต์: Blog2 Post
bottom of page